ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของ นายกิตติทัต น่ะ คับ

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หน่วยเรียนที่ 3 คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์



1. ประวัติของคอมพิวเตอร์
    เป็นอุปกรณ์ที่ได้การพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการสร้างอุปกรณ์ที่ไม่มีกลไกซับซ้อน จนกลายมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีศักยภาพสูง
    
    อุปกรณ์ชิ้นแรกซึ่งเป็นที่มาของคอมพิวเตอร์  เริ่มจากการคิดค้นของชาวจีนในช่วงปี พ.ศ. 500  มีการ "ประดิษฐ์ลูกคิด"  (Abacus)  ขึ้นมาช่วยในการคิดเลขจึงถือได้ว่าเครื่องคิดเลขนี้เป็นต้นกำเนิดของเครื่องคิดเลขในยุคต่อมา


แผนภาพที่ 3.1 ลูกคิดของชาวจีนเป็นต้นกำเนิดของเครื่องคำนวณ

    ปี พ.ศ. 2185 แบลส์  พาสคัล (Blaise Pascal) นักวิทยาศาสตร์และปรัชญาชาวฝรั่งเศส  ได้ประดิษฐ์เครื่องคิดเลขขึ้นมาใช้งาน  เครื่องมือที่เขาสร้างขึ้นใช้ในการคำนวณ   สามารถใช้บวกและลบค่าตัวเลขได้อย่างถูกต้อง



แผนภาพที่ 3.2 เครื่องคำนวณของพาสคัล

     ปี พ.ศ. 2376 ชาร์ล  แบบเบจ ได้สร้างเครื่องคำนวณที่ทำงานโดยอาศัยโปรแกรมเป็นเครื่องแรกของโลก  เราให้เกียรติยกย่องว่าเขาเป็นบิดาแห่งคอมพิวเตอร์เนื่องจากเครื่องที่เขาสร้างขึ้นเป็นต้นแบบหรือแนวทางที่นำไปสู่การพัฒนาของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันในปัจจุบัน
  
     ปี  พ.ศ. 2489 คณะนักวิจัย ของประเทศสหรัฐอเมริกาทีมงานหนึ่ง  ได้พัฒนาและสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลกมีชื่อเรียกว่า  "อินิแอ็ก"  ( ENIAC)  เพื่อใช้ในการคำนวณวิถีกระสุนปืนใหญ่ที่ใช้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่  2 มีความสามารถคำนวณสมการที่สลับซับซ้อนได้รวดเร็วและถูกต้อง ใช้ทำงานทดแทนกำลังคนได้หลายร้อยเท่า จากนั้น เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ดีมากยิ่งขึ้น มีการพัฒนาจากระบบใหญ่ จนสามารถพัฒนาเป็นระบบเล็ก  หรือที่เราเรียกว่า  คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ( Personal Computer หรือ PC )


แผนภาพที่ 3.3 เครื่องคอมพิวเตอร์ขนิดตั้งโต๊ะในยุคแรก

2. ความหมายของคอมพิวเตอร์


      คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ  พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ
ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์"             
      คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป  นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้

3. ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
        คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ครบถ้วนอย่างประสิทธิภาพต้องมีองค์ประกอบ ดังนี้
คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์  คือ ที่ประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องสามารถมองเห็นสัมผัสได้เช่น ตัวเครื่อง จอภาพ คีย์บอร์ด  และเมาส์ เป็นต้น

จำแนกหน้าที่ของฮาร์ดแวร์ต่างๆ แบ่งออกเป็นส่วนสำคัญ 5 ส่วน คือ

1.1 หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input Unit)
     เป็นวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่นำมาเชื่อมต่อทำหน้าที่ป้อนสัญญาณเข้าสู่ระบบเช่น แป้นอักขระ เมาส์ ซีดีรอม ฯลฯ

1.2.  หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)
ทำหน้าที่คำนวณตรรกะและคณิตศาสตร์รวมทั้งการประมวลข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับ

1.3  หน่วยความจำ (Memory Unit)
   ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล เพื่อไปประมวลผลยังหน่วยประมวลผลกลาง  และเก็บผลลัพธ์ที่ได้มาจากการประมวลผลแล้วเพื่อเตรียมส่งไปยังหน่วยแสดงผล

1.4 หน่วยแสดงผล (Output Unit)
ทำหน้าที่แสดงผลข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ทำการประมวลหรือผ่านการคำนวณแล้ว

1.5 อุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ (Peripheral Equipment)
เป็นอุปกรณ์ที่นำมาต่อพ่วงเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้นเช่น โมเด็ม แผงวงจรเชื่อมต่อ เครือข่าย เป็นต้น

4. ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์

-      มีความเร็วในการทำงานสูง  เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในปัจจุบันสามารถประมวลผลคำสั่งในช่วงเวลา 1 วินาทีได้มากกว่าหนึ่งร้อยล้านคำสั่งจึงใช้ในงานคำนวณต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว  เช่น  การฝากถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม  เป็นต้น

-      มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง  สามารถทำงานได้ตลอด  24  ชั่วโมง  เป็นสัปดาห์  หรือเป็นปี  โอกาสเครื่องเสียน้อยมาก ใช้แทนกำลังคนได้มากมาย

-      มีความถูกต้องแม่นยำตามโปรแกรมที่สั่งงานและข้อมูลที่ใช้

-      เก็บข้อมูลได้มาก  ไม่ต้องใช้เอกสารและตู้เก็บ

-      สามารถโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่งโดยผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว  ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน

5. ระบบคอมพิวเตอร์

      ระบบคอมพิวเตอร์  หมายถึง  กรรมวิธีที่คอมพิวเตอร์ทำการใดๆ กับข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้ใช้มากที่สุด เช่น การตรวจสอบข้อมูลประชาชนจากระบบทะเบียนราษฎร์  ของสำนักทะเบียนราษฎร์  กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย

6.องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
  





แผนที่ 3.4  แสดงองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  จะประกอบด้วยส่วนสำคัญ   4  ส่วน  ดังนี้
        5.1   ฮาร์ดแวร์    (hardware)  หรือ  ส่วนเครื่อง
        5.2   ซอฟต์แวร์  (software)  หรือ  ส่วนชุดคำสั่ง
        5.3   ข้อมูล        (data)
        5.4   บุคลากร    (people)

5.1 ฮาร์ดแวร์  (Hardware)
          อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์  (hardware)  หมายถึง   ตัวเครื่องและอุปกรณ์ส่วนต่างๆ ที่เราสามารถสัมผัสและจับต้องได้  ฮาร์ดแวร์จะประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ  ส่วน   ดังนี้คือ

1.  ส่วนประมวลผล   (processor)
         หน่วยประมวลผลกลาง  (Central Processing Unit)  หรือ เรียกคำย่อว่า  ซีพียู  (CPU)  คำว่า  ซีพียู  มีความหมายทางด้านฮาร์ดแวร์  2  อย่างด้วยกัน  คือ
          
      1.  ตัวชิป  (chip)  ที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์
      2.  ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์หรือกล่องเครื่องที่มีซีพียูบรรจุอยู่
         
      ความหมายส่วนที่  ถ้ามองทางด้านเทคนิคแล้วจะเป็นความหมายที่ไม่ถูกต้อง  เนื่องจากตัวซีพียูเป็นชิปคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เหมือนส่วนสมองของระบบคอมพิวเตอร์

2.  ส่วนความจำ   (memory)
        สามารถแยกประเภทของหน่วยความจำ  (memory)  ได้ดังนี้
2.1 หน่วยความจำหลัก  (Main memory) คือ หน่วยเก็บข้อมูลและคำสั่งต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยชุดความจำข้อมูลที่สามารถบอกตำแหน่งที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่ง ข้อมูลจะถูกนำไปเก็บไว้และสามารถถูกนำออกมาใช้ในการประมวลผลในภายหลัง หน่วยความจำหลักแบ่งได้ 2 ประเภทคือ

2.1.1  หน่วยความจำแบบ แรม(RAM = Random Access Memory)
2.1.2  หน่วยความจำแบบ รอม(Read Only Memory)

2.2 หน่วยความจำสำรอง (secondary storage) 
       หน่วยความจำชนิดนี้มีไว้สำหรับสำรองหรือทำงานกับข้อมูลและโปรแกรมขนาดใหญ่เนื่องจากขนาดของหน่วยความจำหลักมีจำกัด หน่วยความจำสำรองสามารถเก็บไว้ได้หลายแบบ 

3.  อุปกรณ์รับเข้าและส่งออก   (input-output devices)

4.   อุปกรณ์หน่วยเก็บข้อมูล   (storage device)


ตัวจานบันทึกข้อมูลแบบแข็ง  (Hard Disk)
       ประกอบด้วยแผ่นจานแม่เหล็กตั้งแต่หนึ่งแผ่นจนถึงหลายแผ่น และเครื่องขับจาน  (Hard Disk Drive)  เป็นส่วนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์  มีมอเตอร์ทำหน้าที่หมุนแผ่นจานแม่เหล็กด้วยความเร็วสูง มีหัวแม่เหล็กทำหน้าที่อ่านและเขียนข้อมูลต่างๆ



แผนภาพที่ 3.5 จานบันทึกข้อมูลแบบแข็ง

ดีวีดี  (DVD  หรือ  Digital  Versatile  Disk)
           เป็นแผ่นซีดีที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดยแผ่นดีวีดีสามารถเก็บข้อมูลได้ไม่ต่ำกว่า 4.7 จิกะไบต์ คาดหมายว่าแผ่นดีวีดีจะถูกนำมาใช้แทนซีดี-รอม  เลเชอร์ดิสก์   หรือแม้แต่วิดีโอเทป

       
แผนภาพที่  3.6 ดีวีดี (DVD หรือ Digital Versatile Disk)

ยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ ( USB flash drive)
      
        เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับเก็บข้อมูลโดยใช้หน่วยความจำแบบแฟลช ทำงานร่วมกับยูเอสบี 1.1 หรือ 2.0 มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ในปัจจุบัน แฟลชไดรฟ์มีความจุตั้งแต่ 4 GB ถึง 2TB โดยทั่วไปไดรฟ์จะทำงานได้ในหลายระบบปฏิบัติการซึ่งรวมถึง วินโดวส์ 98/ME/2000/XP/Vista/7 แมคอินทอช ลินุกซ์ และยูนิกซ์
แฟลชไดรฟ์ รู้จักกันในชื่อต่างๆ รวมถึง "ทัมบ์ไดรฟ์" "คีย์ไดรฟ์" "จัมป์ไดรฟ์ และชื่อเรียกอื่น โดยขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ปัจจุบันชื่อสากล จะเรียกว่าแฟลชไดรฟ์


แผนภาพที่ 3.7   ยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ ( USB flash drive)


จอภาพ (monitor)
      เป็นอุปกรณ์แสดงข้อมูลผลลัพธ์ที่เกิดจากการประมวลผลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถแสดงผลได้ทั้งตัวหนังสือ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว โดยทั่วไปนิยมใช้แบบจอภาพสี



แผนภาพที่ 3.8  ตัวอย่างของจอภาพ

เมาส์ (mouse)
              เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายตัวหนู ส่วนของสายสัญญาณจากตัวอุปกรณ์ที่ต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์มีลักษณะคล้ายส่วนหางหนู เราใช้เมาส์ในการควบคุมตัวชี้ (Pointer) ที่ปรากฏบนจอภาพให้สามารถเลื่อนไปสู่ตำแหน่งต่างๆ ที่ต้องการได้โดยง่ายสามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมในการควบคุมคำสั่งก็ได้ จะมีปุ่มควบคุม 2 ปุ่ม ด้วยกันโดยทำหน้าที่แตกต่างกันดังนี้
1. ปุ่มซ้ายมือถ้ากดหนึ่งครั้งหมายถึงการเลือกและถ้ากดสองครั้งติดต่อกันหมายถึงสั่งให้โปรแกรมหรือสั่งรูปที่เลือกทำงาน
2. ปุ่มขวามือถ้ากดให้แสดงฟังก์ชันพิเศษโดยใช้ตัวชี้เป็นตัวเลือกฟังก์ชันที่ต้องการได้



แผนภาพที่ 3.9 ตัวอย่างของเมาส์

6.บุคลากรคอมพิวเตอร์ (Peopleware)

        หมายถึงกลุ่มบุคคลที่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และโปรแกรม เช่น นักเขียนโปรแกรม (Programmer) เ ป็นผู้นำทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาโปรแกรม นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) เป็นผู้วิเคราะห์ปัญหาและระบบงานที่มีอยู่แล้วเพื่อแก้ปัญหาและออกแบบระบบใหม่ให้ดีกว่าเดิม ผู้บริหารระบบ (System Administrator) เป็นผู้ควบคุมจัดการระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

บุคลากรคอมพิวเตอร์ที่สำคัญ ได้แก่

- ผู้ดูแลระบบ (System Administrator)

- นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst)

- นักเขียนโปรแกรม (Programmer)

- วิศวกรระบบ (System Engineer)

- วิศวกรเครือข่าย (Network Engineer)

- ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ระดับสูง (Super User)

- ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไป (User)